จากประสบการณ์การทำงานและการที่ได้รู้จักกับนักเรียนหลายๆ คนในคอร์สส่งออก ผมพบว่ามีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้หลายคนไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจส่งออก วันนี้ผมจะมาแจกแจงรายละเอียดแต่ละสาเหตุกันเลยนะครับ เผื่อมีท่านใดที่เข้ามาอ่านแล้วมีเหตุผลคล้ายๆ กันก็จะได้เข้าใจภาพรวมของธุรกิจส่งออกใหม่ได้ครับ
เหตุผลที่เรายังไม่เริ่มส่งออก มีดังนี้
1.พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น ใช้ไม่คล่อง
นี่เป็นเหตุผลหลักที่ปิดโอกาสคนค่อนประเทศในการทำธุรกิจส่งออกเลยครับ เพราะว่าการส่งออกต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารเป็นหลัก พอคิดว่าตัวเองไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็เลยไม่คิดว่าการส่งออกจะเป็นธุรกิจที่เหมาะกับตัวเอง
ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษก็ทำส่งออกได้ครับ การทำธุรกิจส่งออก ก็เหมือนกับการทำธุรกิจหรือวิชาชีพอื่นๆ มันจะมีคำศัพท์เฉพาะทางของมัน หากคุณเป็นวิศวกร คุณก็รู้ศัพท์เทคนิคของวิศวะ หากคุณเป็นหมอคุณก็รู้ศัพท์เทคนิคขอหมอ การส่งออกก็เช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องเก่งภาษาอังกฤษ หรือพูดได้คล่องแคล่วถึงจะเรียนได้ หากคุณยังไม่เห็นภาพ ผมจะยกตัวอย่างลูกค้าคนจีนของผมให้ฟัง
ลูกค้าคนจีนของผม พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น พูดจีนได้อย่างเดียว แต่เค้ามาเมืองไทย มาหาของไทยกลับไปขายที่จีน เค้าสามารถไปคุยได้ตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่ ไปถึงเกษตรกร หรือแม้แต่กระทั่งกับคนงานในบริษัทชิปปิ้ง ด้วยตัวคนเดียว ถามว่าเค้าทำได้ยังไง เค้าก็แค่ใช้ภาษามือ หรือจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำ เปิดมือถือ ใช้แอพ แปลภาษา แค่นั้นเองครับ ถามว่าพวกเรารู้อยู่แล้วมั้ย เรารู้อยู่แล้ว เพียงแต่เราแค่ปิดใจในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคด้านภาษา เราเลยไม่คิดจะขวนขวายหาวิธีอะไรก็ได้ ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จนั่นเอง
2.กลัวโดนโกง คนต่างชาติมักมีเล่ห์เหลี่ยมสูง
เราอาจจะเคยได้ยินกลโกงบางอย่างของนักธุรกิจหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ชาวแขก ฝรั่ง คนแอฟริกัน คนยิว คนเวียดนาม ฯลฯ แต่เราคงลืมไปอีกชาติที่มีเล่ห์เหลี่ยมทางธุรกิจไม่แพ้กัน นั่นก็คือคนไทย ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าทุกประเทศไม่ดี หรือคนไทยก็ไม่ดีนะครับ แค่จะบอกว่าคนทุกประเทศมีโอกาสเป็นคนไม่ดีได้ทั้งนั้น และเราก็มีโอกาสเจอคนไม่ดีได้เสมอ
ถามว่าในเมื่อรู้ว่าทำส่งออกจะต้องเจอคนไม่ดี แล้วทำไมยังไปทำอีก ก็จะตอบแบบห้วนๆ ว่า ทุกธุรกิจ ทุกวงการก็เจอคนไม่ดีทั้งนั้น เพียงแต่การส่งออกมันต่างกันอย่างเดียวคือ เราไม่ได้เห็นหน้าลูกค้าบ่อยๆ นั่นเอง หรือพูดง่ายๆ ลูกค้าอยู่ไกลเรามาก จะไปตามทวงหนี้ให้มาจ่ายเงินยิ่งยาก
ผมไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ แต่ผมก็เห็นมีหลายๆ คนทำธุรกิจส่งออกกันทั้งที่ยังกลัวโดนโกง หากคุณสงสัยว่าทำธุรกิจส่งออกมีความเสี่ยงสูง ทำไมยังทำอีก ผมก็อยากจะถามกลับเช่นกันว่า มีธุรกิจไหนบ้างไม่มีความเสี่ยง แล้วคุณเคยทำธุรกิจแล้วหรือยัง ถึงโดนโกง และสำหรับคนที่เคยทำธุรกิจแล้ว คุณรอบคอบดีพอรึยังในการทำธุรกิจไม่ให้โดนโกง
เพราะประสบการณ์ของผม รวมถึงเพื่อนพ้องที่อยู่วงการส่งออก ก็เคยเจอคนไม่ดี และก็เคยเจอคนโกง แต่ทุกคนก็ผ่านมันมาได้ ฉะนั้นมันไม่ได้อยู่ที่ความกลัว มันอยู่ที่การจัดการลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงมากกว่าครับ กลัวได้ แต่อย่ากลัวจนไม่กล้าทำอะไรเลยนะครับ
3.ส่งออกไกลตัวมาก ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
บางคนมองภาพว่าการทำธุรกิจส่งออก คือการเดินทางไกลๆ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หรือต้องเดินทางตลอดเวลา ผมขอตอบว่าใช่และไม่ใช่
ใช่ คือ ตลาดของคุณอยู่ต่างประเทศ คุณต้องไปหาลูกค้าบ่อยๆ เพราะรายได้คุณมาจากทางนั้น
ไม่ใช่คือ สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องไปหาลูกค้าบ่อยๆ แล้ว เพราะเรามีอินเตอร์เน็ตในการหาลูกค้าช่องทางอื่นๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่าการส่งออกต้องเดินทาง แต่ไม่ต้องเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม การเดินทางก็ยังจำเป็นกับธุรกิจนี้อยู่ดี แต่การทำธุรกิจส่งออกไม่ได้จำกัดว่า เราจะทำได้แค่ส่งออกอย่างเดียว ลองไปถามคนที่ทำส่งออกสิ เค้าต้องมีธุรกิจที่สองหรือสามแน่นอน เพราะว่าการทำส่งออก (เฉพาะคนกลาง ไม่เกี่ยวกับโรงงาน) ไม่จำเป็นต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมงขนาดนั้นครับ เราสามารถบริหารจัดการเวลาให้เหลือๆ มากพอไปทำอย่างอื่นได้อีกด้วยซ้ำ
4.อยากส่งออกนะ แต่ว่าไม่รู้จะส่งอะไรดี
นี่ก็เป็นอีกปัญหาโลกแตก ทุกคนรู้ว่าส่งออกเป็นธุรกิจที่ดี อยากส่งออกมากเลย ตลาดกว้างใหญ่ รายได้มหาศาล แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี ส่งออกสินค้าอะไรดี ผมว่าเรื่องนี้ออกจะเป็นปัญหาโลกแตกซักหน่อย เพราะว่าคำตอบมันกว้างมากครับ และสินค้าที่แต่ละคนถนัดก็ไม่เหมือนกันด้วย แต่ผมจะให้แนวทางประมาณนี้นะครับ
- ทำสินค้าที่ตัวเองถนัด หรือมีความรู้ เช่น เราเคยทำงานด้านอาหารมา ก็ส่งออกอาหาร เราจบปริญญาด้านอาหาร ก็ทำส่งออกอาหารไปเลย
- ทำสินค้าที่ตัวเองมีพื้นฐานอยู่แล้ว บางคนที่บ้านทำเกษตรกรรม ก็หยิบเอาสินค้าของบ้านตัวเองมาส่งออกได้เหมือนกัน พัฒนา ปรับปรุงคุณภาพให้มันดี แค่นี้ก็ส่งออกได้แล้วครับ
- ทำสินค้าที่มีคนซื้อ อาจจะห้วนๆ ไปหน่อยนะครับ แต่จริงๆ แล้วบางครั้งธุรกิจก็เกิดจากแค่มีคนมาบอกว่าอยากได้ของชิ้นนี้ ให้เราช่วยหาให้หน่อย แค่นั้นเลยก็มีครับ
นี่ก็เป็นแนวทางคร่าวๆ ที่จะช่วยให้เราหาทางออกสินค้าเราเจอได้ครับ
5.ไม่มีแรงผลักดันมากพอ เพราะทำธุรกิจในประเทศก็สบายอยู่แล้ว
บางคนก็คิดว่าการทำธุรกิจต้องมีแรงผลักดันอะไรสักอย่าง บางคนรักความสวยงาม เลยมาขายเครื่องสำอางค์ บางคนชอบกิน ก็ขายอาหาร แต่บังเอิญว่าไม่มีใครชอบเอกสาร ก็เลยไม่มีใครชอบส่งออกนั่นเองครับ
จริงแล้ว การส่งออกเนี่ย ไม่ค่อยน่าสนุกหรอกครับ วันๆ จะอยู่กับการทำเอกสาร การหาลูกค้า การสำรวจตลาด หรือบางท่านก็อยู่กับการผลิต ซึ่งไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ แต่ความสนุกของการส่งออกมันอยู่ที่การได้เห็นโลกกว้างนะครับ การได้ไปเจออะไรที่ไม่เคยเจอ ไปท่องเที่ยวในขณะทำงาน หรือการได้ไปพบเจอเมืองแปลกๆ คนแบบใหม่ ที่มีแนวคิดคนละเรื่องกับคนรอบๆ ตัวเรา ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อย เราอาจจะได้ไปเจอเมืองที่พัฒนาแล้ว แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้พัฒนาจริงๆ ก็ได้ หรือไปเจออะไรที่น้อยคนจะเคยเห็นก็เป็นได้ครับ ผมไม่รู้ว่าแบบนี้จะเป็นแพสชั่นในการทำธุรกิจส่งออกได้มากพอมั้ยครับ
6.รอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยส่งออก
การทำธุรกิจส่งออกก็เหมือนการทำธุรกิจทั่วไป ไม่ต้องรอให้พร้อมก็ทำได้ครับ ตอนนี้ผมเปิดคอร์สสอนส่งออก ผมเอาประสบการณ์ที่ผมเคยทำ มาสรุปให้นักเรียนเรียนว่าสิ่งที่ต้องทำมีอะไรบ้าง ก็มีคนถามผมว่า เริ่มต้นต้องทำเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ผมก็เพิ่งเอะใจว่า จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ต้องทำอะไรเยอะขนาดนั้น และหากผมรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมคงไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจนี้แน่ๆ แบบว่าเห็นอุปสรรคเยอะมาก เลยไม่กล้าเริ่มน่ะครับ
ที่พูดมาทั้งหมดแค่จะบอกว่า หากคุณรอให้พร้อมก่อน คุณจะไม่มีวันได้เริ่มจริงๆ ครับ เพราะเวลาคุณวางแผนอะไรสักอย่าง แล้วอีกพักใหญ่ๆ ค่อยมาลงมือทำ ปัจจัยต่างๆ มันเปลี่ยนไปหมดแล้วน่ะครับ และยิ่งยุคนี้ อะไรๆ ก็เปลี่ยนเร็วมาก คุณไม่น่าจะตามทันแน่นอนถ้าคุณยังใช้แผนการเดิมที่เคยวางไว้เมื่อนานมาแล้ว และหากคุณยังรอให้พร้อม คุณก็จะไม่มีวันพร้อม เพราะแผนนั้นมันจะล้าสมัยไปอีกนั่นเอง
7.ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
อีกปัญหานึงคือ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี คงมีใครหลายคนเจอแบบนี้ ผมก็เข้าใจครับว่าการทำส่งออกมันยาก มันเยอะ มันจุกจิก และมันน่ากลัว แต่การได้เริ่มต้น ไม่ได้ยากอะไรเลยครับ ไม่ต้องใช้ทุน หรือใช้ทุนน้อยมากๆ ครับ
เพียงแค่วันนี้คุณตั้งเป้าว่าคุณจะทำส่งออกสินค้าอะไร จากนั้นก็แค่ไปหาสินค้ามา แล้วก็ไปหาลูกค้า ทำแค่นี้เองครับ คำถามว่าจะหาลูกค้าจากไหน ผมว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เพราะสมัยนี้ข้อมูลเยอะมาก เราสามารถหาลูกค้าได้จากอินเตอร์เน็ตแบบง่ายๆ ยังได้เลยครับ แต่ที่สำคัญคือ เราจะทำยังไงให้ลูกค้าซื้อมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นการบ้านที่คนทำธุรกิจทุกคนต้องทำอยู่แล้วครับ
โดยส่วนตัวผู้เขียน ไม่เคยทำธุรกิจส่งออกมาก่อน แต่มีแพสชั่นว่าจะต้องทำให้ได้ (อาจเป็นเพราะโตมากับยุควิกฤตต้มยำกุ้ง ที่การส่งออกคือพระเอกที่มากอบกู้ประเทศไทย) จากนั้นก็ไปศึกษา หาความรู้ และก็เริ่มทำตามที่คิดว่าใช่ ลองผิดลองถูก ทำพลาด ทำไม่ดี หรือทำถูกแบบเพิ่งเข้าใจตอนหลัง แต่ก็ยังทำ สุดท้ายก็เลยเข้าใจแจ่มแจ้งในเรื่องที่ตัวเองทำ เห็นมั้ยครับ ก็แค่เดินหน้า เดี๋ยวก็เจอทางเอง
แต่สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมที่จะเดิน หรือกลัวความเสี่ยง การไปเรียนศึกษาวิธีการทำส่งออกก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนะครับ จะเรียนกับทางสถาบันเรา หรือ เรียนกับสถาบันไหนก็ได้ มีสอนหลายที่ เลือกตามความชอบ แต่ขอให้ตั้งใจเรียนและนำมาปฏิบัติ ลงมือทำ แค่นั้นก็พอแล้วครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบถึงตรงนี้นะครับ
สำหรับท่านที่สนใจเรียนส่งออกนำเข้า เรามีคอร์สส่งออกนำเข้าให้เรียนทั้งการเรียนในคลาสสอนสด และการเรียนในคลาสออนไลน์ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์เหล่านี้ครับ
หรือสนใจสมัครคอร์สเรียนก็ติดต่อได้ที่นี่ครับ